ความคิดมนุษย์
เกินบรรยาย หาสิ้นสุดมิได้
วิจิกิจฉา
ความลังเลสังสัย ก็มีมากมาย หลายเรื่องราว
หลายเรื่องนำมาสู่การสร้างสรรค์
การประดิษฐ์ที่มีคุณค่า
หลายเรื่อง
ก็ยากหาคำอธิบาย ... แต่ก็ยังไม่วาย คิด
คิดเพื่อหาคำตอบ
ทั้งๆ ที่ เกินกว่าปัญญามนุษย์ธรรมดา
ก็อะไรเล่า
ที่เป็น “ต้นเรื่อง” ให้เกิดความคิด?
พร้อมไปกับคำถามนี้
มีอีกคำถามหนึ่ง ที่น่าสนใจ
คุณว่า
สัตว์ทั้งหลายนี่ ใช้ “อะไร” คิด?
สมองรึ?
... ผมก็ไม่รู้ ... ก็สงสัยได้เหมือนกัน
แม้จะไม่รู้
แต่ผมมีสัทธา และมีความเชื่อว่า ...
สัตว์ทั้งหลาย
ใช้ “จิต” คิด ครับ (อันนี้ผมคิดนะ)
เพราะเมื่อศึกษาเรื่อง
จิต ตามพุทธธรรม (มิใช่ จิตวิทยา)
จิต
เป็น ธรรมชาติ “รู้” นอกจากรู้แล้ว ยัง “จำ” และ “คิด”
และที่จิตมันคิดนี่
มันก็คิดตามที่มัน “ถูกปรุงแต่ง”
เอาล่ะครับ
คำตอบของคำถามแรกมาถึงแล้ว
ไอ้ต้นเรื่องความคิดนี่
ก็เพราะมัน “ถูกปรุง” นี่เอง
ใครมาปรุง?
อะไรปรุง?
หมอนี่ชื่อ
“เจตสิก” ครับ ... ชื่อเล่น “สังขาร”
และถ้าจะว่ากันให้ลึกเลย
(ตามความเชื่อผมนะ
ใครไม่เชื่อ
ผมไม่ห้ามนะ เพียงขอให้ “ลอง” คิดตาม)
แม้มีเจตสิก
สังขาร ...
หากไม่มี
เจ้า ๖ ตัว กับอีก ๖ ตัว ที่จะพูดต่อนี่
ผมเชื่อ
... “ความคิด” ก็คงไม่เกิดแน่
๖
ตัวนี้ชื่อ... จักขุปสาทรูป, โสตปสาทรูป, ฆานปสาทรูป,
ชิวหาปสาทรูป,
กายปสาทรูป, และ หทยรูป
อีก
๖ ตัว คู่ของมันชื่อ รูปา, สัททา, คันธา, รสา,
โผฏฐัพพา
และ ธัมมา
แต่ละตัวของแต่ละฝ่าย
มันจับคู่กัน เกิด “รู้” (วิญญาณ)
พอ
รู้ ปุ๊ป มัน “ปรุง” ไปพร้อมรู้เลย เพราะ ...
มันเกิดด้วยกัน
(เอกุปฺปาท)
มันดับด้วยกัน
(เอกนิโรธ)
มันมีอารมณ์เดียวกัน
(เอกาลมฺพณ) และ
มันอาศัยวัตถุเดียวกัน
(เอกวตฺถุก) ...
มันนี่แหละ
... จิต – เจตสิก
ลองดูนะครับ
ตา
มอง ท้องฟ้า ... หู ได้ยิน เสียงฟ้าร้อง
ใจ
คิด เรื่องโลก ...
เห็น
ได้ยิน และ คิด ... มันอยู่แค่นั้นไหม?
หรือมันเอามาคิดต่อ?
คิดต่อแล้ว
มันจะเลยเถิดไหม? ฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อยไหม?
ท่านตอบตัวเองได้
ครับ
กลับมาว่ากัน
ตามที่จั่วหัวเรื่อง โลโกอจินตโย
พระพุทธองค์
ท่านเมตตาเพื่อนมนุษย์ ท่านจึงขอ
ขอว่า
... มีบางเรื่องบางอย่าง อย่าไปคิดเลย
เพราะมันเป็น
“อจินไตย” คือ เรื่อง “ไม่ควรคิด”
อ้าวทำไมหรือ?
ไม่ควรคิด
ก็เพราะคิดแล้ว
มันอาจนำไปสู่ “ความบ้า” เสียสติเลย
เพราะ
ถึงอย่างไร ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้
แม้แต่
ตัวคุณเอง
แล้วเรื่องที่ท่านห้ามมิให้คิด
มีอะไรบ้างล่ะ
ว่าตามพระสูตร
ก็มี ๔ คือ
พุทธวิสัย
ความสามารถของพระพุทธองค์
ฌานวิสัย
ความสามารถเชิงอิทธิแห่ง ฌานสมาบัติ
วิปากวิสัย
การให้ผลของกรรม และ ...
โลกวิสัย ความเป็นมา เป็นไป ของโลก
จั่วหัว
ให้ดูน่าติดตามไปอย่างนั้นแหละครับ
จริงๆ
จบแล้ว ... คืออยากให้รู้ “เรื่องที่ไม่ควรคิด”
ก็ในเมื่อมี
เรื่องไม่ควรคิด แล้วเรื่องไหนควรคิดล่ะ?
คำถามนี้ดี
(ขอถามเอง ตอบเอง ก็แล้วกัน)
ก็ต้องไป
ศึกษาเอาจาก “จินตสูตร” ครับ
(งวดนี้
ขอ “ตัด-แปะ” บ้าง ไม่ว่ากันนะครับ) ...
... เพราะฉะนั้น เธอทั้งหลายจงอย่าคิดเรื่องว่า โลกเที่ยง
ไม่เที่ยง มีที่สุด ไม่มีที่สุด ชีพอันนั้น สรีระก็อันนั้น
ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเป็นอีก
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมไม่เป็นอีก สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว
ย่อมเป็นอีกก็มี ย่อมไม่เป็นอีกก็มี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว
ย่อมเป็นอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เป็นอีกก็หามิได้
ข้อนั้นเพราะเหตุไร?
เพราะความคิดนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ไม่ใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น
ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย
ความคลายกำหนัด
ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง
ความตรัสรู้
เพื่อนิพพาน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเธอทั้งหลายจะคิด พึงคิดว่า
นี้ทุกข์
ฯลฯ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
ข้อนั้นเพราะเหตุไร?
เพราะความคิดนั้นประกอบด้วยประโยชน์
เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น
ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย...
เพื่อนิพพาน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลาย
พึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์
ฯลฯ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ....
(ไม่ทราบ
อ่านแล้วเข้าใจภาษาแปลโบราณนี้ไหมครับ?)
ครับ
จบสำหรับ สิ่งไม่ควรคิด และ สิ่งที่ควรคิด
ขอนำมาให้ท่านช่วยกัน
ขบคิด ในวันนี้ ครับผม
ขอความเจริญในธรรม
มีแก่ทุกท่านครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น