อนุปุพพิกถา

หลายๆ ท่านมักพูดเรื่องธรรมะแนว ปฏิบัติ

ในความเห็นส่วนตัว ก็ยังเชื่อว่า

ศาสตร์ ลัทธิความเชื่อ ศาสนา ใดๆ ก็ตาม

มันต้องมีเรื่องของพื้นฐาน การปูพื้นฐาน

คงยากที่อยู่ๆ จะกระโดดไปขั้นนั้น ขั้นนี้ได้

แม้จะกล่าวอ้างว่า เดิมก็ไม่มีตำรับตำราใดๆ

แต่เกิด ปัจเจกพุทธเจ้า หรือ ศาสดา เจ้าลัทธิ มากมาย

อย่าลืมว่า นิสสยปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ที่มีติดตัวมา

มันก็มีส่วนในการก้าว มาแล้วอยู่หลายขั้นก่อนหน้า

จึงขอกล่าวถึง “อนุปุพพิกถา ๕” ของพระพุทธองค์

อนุ – ส่วนย่อย / ปุพพ – เริ่มต้น เบื้องต้น / กถา – คำพูด

อนุปุพพิกถา เป็นธรรมเทศนา ที่พระพุทธองค์แสดง

เพื่อ “ฟอก” อัธยาศัยของบุคคล ให้ค่อยๆ ประณีตขึ้น

ค่อยๆ ชำระกิเลส ให้เบาบาง เสียก่อนเป็นเบื้องแรก

หากเมื่อแก่กล้าแล้ว พระองค์ ก็จะแสดง อริยสัจจ์ ๔

รวมเป็น ธรรม ๙ ประการ ชื่อ “พหุลานุศาสนี”

ธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดง มากที่สุด

๑.      ทานกถา – รู้จักให้ เพื่อขจัด “มัจฉริย” ความตระหนี่

๒.     สีลกถา – ศีล เพื่อควบคุม กาย และ วาจา ให้ชอบ

๓.     สัคคกถา – ผลแห่งการทำกรรมดี เพื่อปฏิสนธิในสวรรค์

๔.     กามาทีนวกถา – โทษของการเวียนอยู่ในกาม

๕.     เนกขัมมานิสังสกถา – อานิสงส์ของการออกจากกาม

๑-๓ ทุกท่านก็เข้าใจดีแล้ว

กระนั้น พระพุทธองค์ ยังคงกล่าวถึงโทษ โทษของกาม

โทษของการเวียน เกิด –ตาย – เกิด ไม่รู้จบ

เพราะชีวิตสัตว์ ต้องเวียนอยู่ด้วย ทุกข์

แม้ในภูมิที่เป็นสวรรค์ เองก็มิใช่จะเลี่ยงทุกข์ได้

ผลจึงออกมาในข้อที่ ๕

อานิสงส์ของการได้ออกจากกาม เป็นการยุติเวร

ยุติภัย ... พระพุทธองค์ ท่านแยกบุคคล ไว้ ๔

กายก็ไม่ออก ใจก็ไม่ออก – หมกมุ่นอยู่แต่กาม

กายออก แต่ใจไม่ออก – พวกที่ออกบวชแต่กาย

กายไม่ออก แต่ใจออก – แม้อยู่ในเรือน ก็ปฏิบัติธรรม

กายก็ออก ใจก็ออก ... ก็เข้าใจกันดีนะครับ

เมื่อบุคคลมีจิตที่ “สุกงอม” ในทางธรรมแล้ว

พระพุทธองค์ จึงตรัสสอน อริยสัจจ์ ทั้ง ๔ ต่อ

มันมีเบื้องต้น มีท่ามกลาง และมีเบื้องปลาย

มีลำดับ มีขั้นตอน ไม่อาจ “ใจเร็วด่วนได้ “

ในเรื่องของ พุทธธรรม ...

ระยะหลังมานี้ มักจะมี “ผู้วิเศษ” มากมาย

มีให้เลือกหลายสำนัก ...

มี promotion หนัก-เบา ต่างๆ กันไป

พุทธธรรมที่แท้ มีหนึ่งเดียว

คือพระพุทธโอวาท ที่บรรดาพระอรหันตสาวก

ได้รวบรวม เป็นฐาน เป็น “แผนที่”

เพื่อนำสู่การปฏิบัติ อย่างถูกต้อง

ลองศึกษา “โพธิปักขิยธรรม” ก็จะเข้าใจ

เพราะ นี่เป็นธรรม เพื่อการรู้แจ้งอย่างแท้จริง

ไม่ต้องเลี้ยวไป ลัทธิใด ความเชื่ออื่นใดเลย

ถ้าต้องการ “พุทธธรรม” ที่แท้ ...

ขอความเจริญในพุทธธรรม จงมีแก่ท่านทั้งหลาย