วันจันทร์, กรกฎาคม 14, 2557

อาสาฬหบูชา

เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม
วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ วันอาสาฬหบูชา
ปีนี้ ... อยู่กับบ้าน ไม่ได้ออกไปทำบุญที่วัด

ก่อนฟ้าสาง ก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า
ใช้เวลากับ อนัตตานุปัสสนากรรมฐาน นานขึ้น
ปีนี้ ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ไม่ได้เวียนเทียน
สวดมนต์วัตรเย็น สวดพระธรรมจักรฯ
ตั้งจิต พิจารณาตามคำพระบาลีที่สวด














กตมา จ ภิกฺขเว มชฺฌิมา ปฏิปทา?
หลักปฏิบัติอันเป็นทางสายกลางนั้นเป็นไฉน?

อยเมว อริโย อฏฺฐงฺคิกฺโก มคฺโค
ก็ได้แก่ หนทางอันประเสริฐประกอบด้วย องค์ ๘

๑.      ความเข้าใจถูกต้อง            สัมมาทิฏฐิ
๒.     ความไฝ่ใจถูกต้อง             สัมมาสังกัปโป
๓.     การใช้วาจาที่ชอบ             สัมมาวาจา
๔.     การปฏิบัติด้วยกายที่ชอบ    สัมมากัมมันโต
๕.     การเลี้ยงชีวิตที่ชอบ           สัมมาอาชีโว
๖.      การมีความเพียรที่ชอบ       สัมมาวายาโม
๗.     การระลึกที่ชอบ               สัมมาสติ
๘.     การตั้งใจมั่นที่ชอบ            สัมมาสมาธิ

เรามักได้ยินคำแนะนำ ให้เดินในแนว “ทางสายกลาง”
ซึ่งไม่แน่นัก ว่าเข้าใจในสิ่งที่กล่าวมากน้อยแค่ไหน?

การที่จะปฏิบัติตน ตามแนวอริยมรรค ๘ นั้นป็นเรื่องยาก
แต่ก็เป็นเรื่องที่พึงประพฤติ ปฏิบัติ เพื่อความหลุดพ้น

หลุดพ้นจากอะไร ?  ตอบ ... จากสังสารวัฏฏ์
เช่นนั้น ... อะไรคือสังสารวัฏฏ์ ?   ตอบ ...
สังสาระ คือการท่องเที่ยวไป    วัฏฏะ คือเวียน วน

หมายถึง สภาวธรรม ของ ขันธ์ ธาตุ อายตนะ
ที่วนเวียนไปในภพภูมิต่างๆ ไม่ขาดสาย
เวียนเกิด เวียนตาย ด้วยแรงแห่ง กรรม – วิบาก

สภาวธรรมนี้ มิใช่สัตว์ บุคคล ... อย่าเข้าใจผิด
เป็นเพียง “จิต-เจตสิก” ที่จะติดตามไปอาศัย “รูป” ใหม่

เป็น “สัตว์” อีกครั้ง อยู่ที่ว่า จะไป “ภพ” ไหน?
เป็นสุคติภพ หรือ ทุคติภพ ...
จะถือกำเนิดแบบใด ใน กำเนิด ๔?
แม้จะ “อยากได้ อยากเป็น” แต่ ... เลือกไม่ได้
มันเป็นหน้าที่ของ กรรม – วิบาก

ด้วยเหตุที่ว่า ...
อโหสิ กมฺมํ นาโหสิ กมฺมวิปาโก
กรรมได้มีแล้ว รอให้ผล (ในชาติปัจจุบัน หรืออนาคต)
อโหสิ กมฺมํ ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก
กรรมได้มีแล้ว ผลของกรรมจักต้องมี (อาจยังไม่มีมา)

แม้จะมั่นใจว่า ทั้งชีวิต จะประกอบแต่กุศลกรรม
มิใช่จะแน่ใจได้ว่า จะได้มีโอกาสกลับมาเกิดใน สุคติ ได้
ด้วยเหตุ “อกุศลกรรม” ที่ได้กระทำไว้ ในอดีต ยังไม่ส่งผล

เช่นนั้น ...
ถามใจดูก่อน ว่าต้องการ “หลุดพ้น” จากสังสารวัฏฏ์นี้ไหม?
ยังอยากเกิดอีกไหม?
แต่ต้องเข้าใจนะว่า ... จะเลือก “คติ” ที่จะไปเกิดไม่ได้

และเมื่อเกิดแล้ว ไม่ว่า ทุคติ หรือ สุคติ ...
ล้วนต้องเกิดทุกข์ จาก ชรา พยาธิ และ มรณะ
แม้ขณะที่ ชีวิตตั้งอยู่ ก็ย่อมประสบ ปกิณกทุกข์ ต่างๆ
ทุกข์จากการเลี้ยงชีวิต ทุกข์จากการพลัดพราก
ทุกข์จากการประสบสิ่งไม่รักไม่พอใจ ฯลฯ ...

ถ้ายัง “อยาก” เพลิดเพลินอยู่ใน “ภพ”
ก็ต้องเข้าใจในการ ท่องเที่ยวไป วนเวียนไป เช่นนี้
เวียน เกิด – ชรา – พยาธิ – มรณะ – เกิด ...
ไม่สิ้นสุด ไม่มีสิ้นสุด ด้วยความ “อยาก” นั้น

ก็เมื่อ ... มีโอกาสเกิดมาเป็น มนุษย์ อยู่ในภพภูมิที่ดี
ทั้งยังอยู่ ใต้ร่มพระพุทธศาสนา ได้พบพระสมณะ
มีโอกาสเรียนรู้ พุทธธรรม – ธรรมเพื่อความหลุดพ้น
ใยจะทิ้งโอกาสนี้ไปเสีย? ...

หากพิจารณาด้วยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ)
แล้วหวังที่จะปฏิบัติ เพื่อความหลุดพ้น
ตามแนว “หนทางอันประเสริฐ” แล้ว
หมั่นศึกษา พระอริยมรรค ๘ – ทางสายกลาง
แล้วนำสู่การปฏิบัติ (สัมมาสติ – สัมมาสมาธิ)
ด้วย “วิปัสสนากัมมัฏฐาน” ที่แท้เถิด


ขอความเจริญในพุทธธรรมจงบังเกิดแก่ท่าน

ไม่มีความคิดเห็น: