หลายวันก่อน ตั้งคำถามถามรุ่นพี่ที่เคารพ
“พี่...จิต นี่มันอยู่ตรงไหนครับ?”
เป็นปุจฉาที่ก็ไม่ได้หวังในคำตอบ
แต่หวังใน “ความเข้าใจ”
เพราะชอบที่จะสนทนาธรรมกับพี่ท่านนี้
เป็นปุจฉาที่ก็ไม่ได้หวังในคำตอบ
แต่หวังใน “ความเข้าใจ”
เพราะชอบที่จะสนทนาธรรมกับพี่ท่านนี้
แล้วจริงๆ “จิต” ที่ว่านี่ มันอยู่ตรงส่วนไหนในกายแน่
บ้างว่าอยู่ที่ หัวใจ บ้างว่าอยู่ที่สมอง
บ้างว่าอยู่ที่ หัวใจ บ้างว่าอยู่ที่สมอง
โดยอภิธรรมแล้ว ... จิต ๘๙ (ย่อ) ท่านว่า
อยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างละ ๒ คือ
ส่วนที่เป็น กุศล และอกุศล จึงเรียกว่า “ทวิปัญจวิญญาณ”
ทวิ – ๒ + ปัญจ – ๕ + วิญญาณ – จิต
อยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างละ ๒ คือ
ส่วนที่เป็น กุศล และอกุศล จึงเรียกว่า “ทวิปัญจวิญญาณ”
ทวิ – ๒ + ปัญจ – ๕ + วิญญาณ – จิต
ยังมีส่วนของจิตที่เรียกว่า “มโนธาตุ ๓”
และมีที่เรียกว่า “มโนวิญญาณธาตุ” ที่เหลือทั้งหมด
ไม่ขอลงรายละเอียด
และมีที่เรียกว่า “มโนวิญญาณธาตุ” ที่เหลือทั้งหมด
ไม่ขอลงรายละเอียด
เพียงแต่อยากรู้ ...
“จิต” นี่ มันอยู่ตรงไหนของมันกันแน่ ?
“จิต” นี่ มันอยู่ตรงไหนของมันกันแน่ ?
ใน ธรรมบท มีกล่าวเรื่องที่อยู่จิตไว้คาถาหนึ่ง ว่า
“ทูรงฺคมํ เอกจรํ อสรีรํ คุหาสยํ ...”
ท่องไปได้ไกล ไปเพียงดวงเดียว ไร้สรีระรูปร่าง
อยู่ในกายนี้แหละเป็นคูหา ...
อยู่ในกายนี้แหละเป็นคูหา ...
ก็แสดงว่ามัน “อสรีรัง” คือหามีรูปไม่ นะซี
อ้าว ... แล้วที่ต้องนั่ง “ดูจิต” นี่จะดูยังไง?
หรือจริงๆ แล้ว ก็คือ ดู “ความคิด”
ถ้าเช่นนั้น จิต ก็เท่ากับ ความคิด นะซี
หรือจริงๆ แล้ว ก็คือ ดู “ความคิด”
ถ้าเช่นนั้น จิต ก็เท่ากับ ความคิด นะซี
เป็นปริศนาธรรม ให้ขบคิดกัน
ทำให้นึกถึงเรื่องเล่า ในตำนานของจีน
พระสังฆปรินายกรูปที่ ๖ ในนิกายเซน (ฌาน หรือ ฉาน)
นามเดิมท่านคือ “หลู ฮุ่ยเหนิง” (อันนี้ภาษาจีนกลาง)
ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักในนาม “เว่ยหลาง”
ซึ่งเป็นสำนวนท้องถิ่น (dialect)
ที่รจนาโดยท่านพุทธทาส
พระสังฆปรินายกรูปที่ ๖ ในนิกายเซน (ฌาน หรือ ฉาน)
นามเดิมท่านคือ “หลู ฮุ่ยเหนิง” (อันนี้ภาษาจีนกลาง)
ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักในนาม “เว่ยหลาง”
ซึ่งเป็นสำนวนท้องถิ่น (dialect)
ที่รจนาโดยท่านพุทธทาส
ตำนานนี้ ไปค้น (search) ดูได้จาก Google นะครับ
จะพิมพ์ “เว่ยหลาง” หรือ “ฮุ่ยเหนิง” เป็น key word ก็ได้
จะพิมพ์ “เว่ยหลาง” หรือ “ฮุ่ยเหนิง” เป็น key word ก็ได้
ประเด็นที่จะเขียนนี้ ก็เรื่องการประชัน บทกลอนแห่งธรรม
ซึ่งเขียนเริ่มก่อนโดยศิษย์ของพระอาจารย์ หงเหยิน
ที่ชื่อ เสินซิ่ว
ซึ่งเขียนเริ่มก่อนโดยศิษย์ของพระอาจารย์ หงเหยิน
ที่ชื่อ เสินซิ่ว
มีข้อความว่า ...
กาย ดั่งต้นโพธิ์ (เซิน ซื่อ ผู๋ถี ซู่)
ใจใสดั่งกระจกเงา (ซินหยู หมิงจิ้ง ไถ)
เพียรปัดกวาดทุกเวลานาที (สือสือ ฉิน ฝูซื่อ)
มิให้ธุลีเกาะกุมใจ (ปู้สือ โหย่ว เฉินไอ)
ใจใสดั่งกระจกเงา (ซินหยู หมิงจิ้ง ไถ)
เพียรปัดกวาดทุกเวลานาที (สือสือ ฉิน ฝูซื่อ)
มิให้ธุลีเกาะกุมใจ (ปู้สือ โหย่ว เฉินไอ)
ก็นับว่า ท่านเสินซิ่ว มีความเข้าใจเรื่อง รูป-นาม
ตามความคิด ความเข้าใจของท่าน จึงเน้นไปที่
การสำรวม ระวัง กาย-จิต มิให้กิเลส ครอบงำได้
ตามความคิด ความเข้าใจของท่าน จึงเน้นไปที่
การสำรวม ระวัง กาย-จิต มิให้กิเลส ครอบงำได้
เมื่อท่าน ฮุ่ยเหนิง ซึ่งตอนนั้นก็ มิใช่ สงฆ์
เป็นเพียงผู้รับใช้ งานในครัว เมื่อสงสัยที่พระและคนมุงดู
จึงรู้ว่า บทกลอนพระเสินซิ่ว แท้จริงยังไม่ถึง “ที่สุดของธรรม”
แม้จะไม่สามารถอ่าน-เขียนได้ ก็ขอร้องให้คนช่วย
เป็นเพียงผู้รับใช้ งานในครัว เมื่อสงสัยที่พระและคนมุงดู
จึงรู้ว่า บทกลอนพระเสินซิ่ว แท้จริงยังไม่ถึง “ที่สุดของธรรม”
แม้จะไม่สามารถอ่าน-เขียนได้ ก็ขอร้องให้คนช่วย
ท่านฮุ่ยเหนิง ก็ร่ายโศลกว่า ...
ต้นโพธิ์นั้น แท้จริงหามีไม่ (ผูถี เปิ่นอู๋ ซู่)
กระจกเงากระจ่างใสก็ไร้สิ้น (หมิงจิ้ง อี้ เฟยไถ)
เดิมมาไร้สรรพสิ่ง (เปิ่นไหล อู๋ อี๋ อู้)
หาธุลีเกาะสิ่งใดได้เล่า (เฮอซู่ โหย่ว เฉินไอ)
กระจกเงากระจ่างใสก็ไร้สิ้น (หมิงจิ้ง อี้ เฟยไถ)
เดิมมาไร้สรรพสิ่ง (เปิ่นไหล อู๋ อี๋ อู้)
หาธุลีเกาะสิ่งใดได้เล่า (เฮอซู่ โหย่ว เฉินไอ)
ท่านก็ว่าในแนว รูป-นาม ล้วนเป็นอนัตตาสิ้น
เมื่อหวนคืนความเป็นดั้งเดิมแล้ว ก็ไร้สิ้นซึ่งรูป ซึ่งนาม
เมื่อหวนคืนความเป็นดั้งเดิมแล้ว ก็ไร้สิ้นซึ่งรูป ซึ่งนาม
สรุป ... วันนี้
“จิต” อยู่ที่ไหน อยู่ตรงไหน ???
“จิต” อยู่ที่ไหน อยู่ตรงไหน ???
ขอความเจริญ ความสวัสดีในพุทธธรรม
จงประสบแก่ทุกท่าน
จงประสบแก่ทุกท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น